Connect with us

ข่าว/ดูดวง/แจกเลข/ทำนายฝัน

ศรัทธาสู่ปาฏิหาริย์ โชคลาภ เลขมงคล เลขนำโชค หวยเด็ด

Published

on

lottery-1

นิตยสาร ลาภเศรษฐี ศรัทธาสู่ปาฏิหาริย์แห่งโชคลาภ

“ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นกษัตริย์ ข้าพระพุทธเจ้าชื่อ ยูเป็นอสูรป๋าแต่ได้ยึดมั่นในสัมมาปฏิบัติ และมีความศรัทธาเลื่อมใสต่อพระองค์จะขอมาเป็นข้าราชบริพารคอยรับใช้และจะขอติดตามเสด็จไปกับพระองค์ไปด้วยทุกหนทุกแห่งเพื่อพิทักษ์เบื้องยุคลบาท มิให้ภยันตรายทั้งปวงมากล้ำกรายพระองค์เพราะทราบด้วยญาณวิถีว่าในสมัยของพระองค์จะต้องฟันฝ่าเหตุการณ์ต่างๆนาๆทั้งภายในและภายนอกพระราชอาณาจักรมากมาย แต่ด้วยพระบารมีและปณิธานอันแรงกล้าที่พระองค์จะทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ เพื่อประเทศชาติหรือสิ่งอื่นๆใด ข้าพระพุทธเจ้าจึงใคร่ถวายพระราชอุปวาระ”ขณะที่ในทรงพระสุบินล้นเกล้าฯ (รัชกาลที่ 6) ทรงได้มีพระราชดำรัสตอบออกมาว่า”แล้วจะให้ข้าพเจ้าปฏิบัติอย่างใด”อสูรฮู ตอบออกมาว่า โชคลาภ

“ข้าพุทธเจ้าไม่ต้องการอะไรมากขอพระองค์ได้โปรดพระราชทานที่อยู่อาศัยให้แก่ข้าพุทธเจ้าและขอพระราชทานอาหารอย่างเดียวกับพระองค์เสวยอยู่เป็นประจำเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว”ในขณะที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ทรงพระสุบินอยู่พระองค์ทรงยกพระกรขึ้นเสมอพระนาลาฏแล้วมีพระราชดำรัสตอบออกมา”เราขอขอบคุณแห่งในพระเดชพระคุณในพระเมตตาแห่งพระผู้เป็นเจ้าข้าพเจ้าพร้อมจะรับสนองตามโองการฯ”เหมือนกับคำปกาศิตนับจากนั้นมาข้าราชบริพารไม่ล้มเจ็บตายอีก  โชคลาภ

เปรียบเสมือนวาจาที่ท้าวฮามากล่าว เหตุการณ์ที่เคยปรากฏ อาทิ ข้าราชบริพารที่ตามเสด็จเคยป่วยเป็นไข้ป่าเนืองๆแทบไม่น่าเชื่อ หลังจากนั้นไม่ปรากฏล้มตายจากไข้ป่าอีกเลยและมีเหตุการณ์กล่าวขวัญถึงครั้งก่อนๆ จะมีเล่ากล่าวกันถึงความฝันบ้างหรือจะพบเห็นคนเหมือนชาวป่ารูปร่างสูงใหญ่ ตัวดำทะมึนร่างกายล่ำสันไม่ว่าจะเป็นร่างมาปรากฎในลักษณะยืนหรือมาปรากฎให้เห็นในลักษณะท่านั่งเล่นใต้ต้นไม้อีกเลย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 (สมัยดำรงพระราชอริยศเป็นพระบรมฯ ทรงปฏิบัติตามที่ท้าวขอมาโดยแบ่งพระกระยาหารที่พระองค์เสวยให้แก่ท่านท้าวอยู่เป็นประจำๆโดยมิได้ขาดเลยเสมอมา.. โชคลาภ เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6ได้โปรดเกล้ามีพระกระแสรับสั่งให้พระยาอนุศาสตร์วิจิตร ซึ่งเป็นช่างเขียนประจำพระองค์โดยพระองค์ให้เขียนร่างรูปอสูรรูขึ้นตามที่ทรงเกิดจากพระสุบิน ในนิมิตจนกระทั่ง เป็นรูปคล้ายกับความจริงทุกอย่างตามทรงพระสุบินจนเป็นที่พอพระราชหฤทัยของพระองค์

จากนั้นพระองค์จึงมีรับสั่งให้ทำการหล่อรูปท่านท้าวพนาสูร (ฮู) โดยมีลักษณะการแต่งกายสวมชฎาทรงเทิด เช่น ไทยโบราณมีไม้เท้าเป็นเครื่องประดับยศตามบันทึกบ่งว่า จากนั้นทรงมีพระกระแสรับสั่งให้เรียกตัวนายตาบฯ ซึ่งมีรูปร่างกำยำ ใหญ่โตโดยเห็นเป็นแบบพร้อมให้นาย อา ทร จุรศิลป์ (ม.ล.ช่วงกุญชร) ซึ่งเป็นนายช่างใหญ่กรมศิลปากรสมัยนั้นลงมือดำเนินการสร้างโดยเร่งด่วน ปั้นหล่อรูปทำด้วยทองสัมฤทธิ์เป็นรูปท้าวฮูคำจารึกใต้ศาลท้าวหิรัญพนาสูร (ยู) ว่า โชคลาภ

“พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีนครินทรมหาวชิราวุธมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พุทธศักราช 2465 เวลา 5 น. กับ 9 นาที 41 วินาที หลังเที่ยงมีขนาดส่วนสูง 20 เชนติเมตรด้วยกัน 4 รูปสร้างเสร็จเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2454พร้อมกับทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณอสูรยูเข้ามาสิงสถิตในรูปหล่อทองสัมฤทธิ์และพระราชทานนามว่า “ท้าวหิรัญพนาสูร” (ฮู) รูปหล่อของท่านท้าวพนาสูร (ฮู) นั้นได้แบ่งออกไปโดยนำไปประดิษฐานไว้ที่ข้างพระที่ห้องบรรทมรูปหนึ่งและอีกรูปหนึ่งเอาไว้ที่บ้านพระยาอนิรุธเทพ (มล.ฟื้นพึ่งบุญ) อีกรูปหนึ่งประดิษฐานไว้ที่ ณ ศาลเล็กด้านหลังตึกด้านหลังตึกสูตินารีเวชกรรมโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ

เมื่อมีการก่อสร้างวังพญาไทขึ้นมาพระมงกุฎเกล้าฯ เจ้าอยู่หัวเราโปรดเกล้าฯให้สร้างศาลท่านท้าวหิรัญพนาสูรประดิษฐานเป็นเทพารักษ์ประจำวังพญาไทสถานที่ประดิษฐานท่านท้าวหิรัญพนาสูร (g)รูปหล่ออันเป็นรูปตามพระสุบินนิมิตสร้างด้วยเนื้อทองสัมฤทธิ์ ประดิษฐานจะมองเห็นชัดสวยงามเด่นสง่ามาก บริเวณเบื้องหน้ารูปหล่อจะปรากฎมีพวงมาลัย ดอกไม้ และของคาว หวาน น้ำมามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาคนป่วยที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาล ก็จะนำดอกไม้ ธูปเทียนมากราบไหว้บูชาขอให้ปัดเป่าโรคภัยให้หาย และปลอดภัยสังเกตดูง่ายๆบรรดาผู้คนที่เข้ามาก็จะมุ่งหน้ามากราบไหว้ท้าวฮูก่อนยิ่งเฉพาะบรรดาคนเจ็บป่วยไข้ที่มีอาการหนักมากก็จะมีญาติพ่อแม่พี่น้อง นำพวงมาลัยมาบอกกล่าวกราบไหว้แทนหรือบางส่วนสอบถามได้ความว่านำของมากราบไหว้กับท้าว ซึ่งบอกกล่าวบนไว้เมื่อตอนป่วยหนัก ขณะนี้หายจากการเจ็บป่วยดีแล้ว จึงได้นำของมาถวายแก้บนโดยเฉพาะหมูหนาม (นั่นหมายถึงขนุนลูกเขื่องๆงาม) ซึ่งท่านโปรดปรานมากมีแหตุกล่าวถึงเรื่องราวท่านท้าวฮูเคาะถ้วย จานบอกเตือน โชคลาภ

เรื่องนี้เล่ากันมาว่ามีอยู่บ่อยครั้งที่ข้าราชการบริพาร พนักงานเครื่องต้นลืมนำอาหารที่แบ่งจากล้นเกล้าพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ปรากฎมีเสียงเหมือนๆมีคนมาเคาะถ้วยจาน เกิดขึ้นเสมอๆ มาบอกกล่าวเตือนจนเจ้าหน้าที่เครื่องต้นนึกขึ้นมาได้และพอยกอาหารเสียงเคาะนั้นจะหายไปซึ่งสอบถ้าเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลในปัจจุบันก็มีการบอกกล่าวเตือน แต่ส่วนมากผู้ดูแลก็ไม่ลืม เพราะเป็นหน้าที่ที่ปฏิบัติต่อท่านท้าวรูเป็นปกติทุกๆวันนั่นเอง โชคลาภ

วันสำคัญของชาวไทย คือเทศกาลตรุษสงกรานต์ จะมีการทำบุญตักบาตรเป็นประเพณีดน้ำดำหัว โดยเฉพาะทางภาคเหนือถือเป็นประเพณีปฏิบัติมาตลอดในบริเวณที่ประดิษฐานของท่านท้าวหิรัญพนาสูรจะมีการกราบไหว้บูชาและทำบุญอุทิศส่วนบุญกุศลให้ท่านท้าวฮูและมีพิธีการอัญเชิญร่างทรงมาประทับร่างท่านท้าวพนาสูรมาลงประทับทรงเพื่อให้ขจัดปัดเป่ารักษาโรคภัยบริเวณงานจึงจับแคบลงไปซึ่งมีทั้งคนภายนอกมาร่วมพิธีและชาวบ้านย่านนี้รวมทั้งผู้ที่หายเจ็บจะมุ่งหน้ากันมาน้อมรำลึกในพระคุณของท่านท้าวฮูที่ช่วยคุ้มครองปัดเป๋าให้ตนหายจากการเจ็บป่วยจากการ อาทิผ่าตัดปลอดภัย หายเจ็บป่วยจนมีอายุมาจนถึงวันนี้ โดยต่างไม่ได้นัดหมายทุกๆคนจะมุ่งหน้าทำดอกไม้ ธูปเทียน พวงมาลัย โชคลาภ เครื่องถวาย เช่น อาหารคาว หวาน พร้อมผลไม้ที่ชื่อหมูหนานที่ท่านท้าวฮูโปรดปรานต่างพานำมาถวายกัน ในวันที่ 13 เมษายนทุกๆปี (ตรุษสงกรานต์ของชาวไทย)

จากนั้นผู้เขียนได้คุยกับเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล(ปัจจุบัน) ก็ได้ความโดยบอกฝากมากับท่านผู้อ่านหรือท่านที่ผ่านมายังที่ประดิษฐานของท่านท้าวหิรัญพนาสูร (g) การปฏิบัติที่บริเวณประดิษฐานจะแนะนำเอาไว้ อาทิ คาถากล่าวบูชา แนะนำการจัดคือจุดธูป 5 ดอก โดยกล่าวคำถวายบูชาผู้ที่มากล่าวคำบนบานนั้นจะปฏิบัติโดยถูกต้องวิธีการเบื้องล่างที่ประดิษฐานบนแผ่นหินอ่อนจะจารึกพระนามท่านท้าวหิรัญพนาสูร (รู) เอาไว้

สำหรับเรื่องราวท่านท้าวที่ผู้เขียนติดตามค้นคว้ามาก็คงจะมีเพียงนี้ส่วนท่านที่เชื่อถือศาสตร์แห่งความเร้นลับยังมีอยู่บนโลกปัจจุบัน ก็น่าจะหาโอกาสแวะผ่านไปสัมผัสกราบไหว้ขอสิ่งที่ดีกับท่านท้าวหิรัญพนาสูร (รู) กันบ้างอย่าลืมว่าท้าวก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นข้าราชบริพารในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 และทรงนับถือเนื่องจากได้รับการช่วยเหลือมาหลายครั้งหลายครา คุณล่ะครับลองไปกราบท่านดู ขอรับรองว่าจะได้เห็นอะไร จะได้สัมผัสปาฏิหาริย์จากความศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านท้าวมีอยู่ อยากได้อะไรลองไปขอดู..โชคดีทุกๆท่านผู้อ่าน โชคลาภ

 

กราบพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์วัดม่วง อ่างทอง โชคลาภ

เป็นความตั้งใจอย่างสูง ศรัทธาอยากไปทำบุญ กราบพระสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดม่วง อ่างทอง ทราบมาจากทางสื่อ วัดนี้มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประทับนั่งองค์ใหญ่ที่สุดในโลก พุทธศาสนิกชนเดินทางไปกราบไหว้กันมากไม่แพ้วัดใด ๆ ในเมื่ออ่างทองผู้เขียนเคยทราบมาก่อน อดีตเจ้าอาวาสหลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ ท่านเป็นพระนักปฏิบัติ นักพัฒนา พระเกจิขลัง อยากไปกราบท่านแต่ยังไม่มีโอกาสจนกระทั่งท่านล่วงลับละสังขารไปเพิ่งมีโอกาสคราวนี้ โชคลาภ

lottery-2

lottery-2

ได้รับคำแนะนำมาก่อนการเดินทางไปวัดม่วง อ่างทอง ถ้าเป็นไปได้ควรไปแต่เช้าถ้าเป็นวันหยุดจึงไปแต่เช้ามืดตามคำแนะนำไปถึงวัดแค่แปดโมงเช้ากว่า ๆ ยังไม่ร้อน แดดยังไม่จัดเข้าไปบริเวณวัดรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ได้เห็นสิ่งต่าง ๆ ที่ทางวัดจัดสร้างไว้จำนวนมีคุณประโยชน์ต่อการทัศนศึกษาด้านพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง โชคลาภ

ผู้นำพาบอกว่าเรามีเวลามากสำหรับวันนี้ สิ่งแรกควรไปไหว้ขอพร “หลวงพ่อใหญ่” ที่มีชื่อเต็มว่า “พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ” พระพุทธรูปนั่งองค์ใหญ่ที่สุดในโลกกันก่อนก่อนเดินทางขึ้นไปแวะจุดธูปเทีบนบูชาและดอกบัวทำการสักการะบูชาสวดมนต์ขอพรกันก่อน ทางวัดเขาจัดไว้อย่างดี สุดจะทำบุญเอาปัจจัยใส่กล่องมิได้กำหนดสุดแต่จะศรัทธา เสร็จแล้วเดินขึ้นไปบนที่สูง บริเวณกว้างขวางเข้ากราบหลวงพ่อใหญ่ มีคนเข้าแถวต่อคิวยาวพอสมควรเพื่อเข้าไปเอามือแตะที่ปลายดัชนี ( นิ้ว ) แล้วอธิษฐานจิตขอพรในสิ่งที่เราปรารถนาได้ทำตามเอามือเราทั้งสองแตะที่ปลายนิ้วแล้วขอพร อธิษฐานเหมือนบรรดาชาวพุทธศาสนิกชนปฏิบัติเสร็จแล้วเดินลงตาตามชั้นบันไดด้านขวามือมีศาลาโล่ง ทางวัดจำลองพระบรมรูปบุพกษัตริย์สมัยโบราณไว้ให้เราได้ทำความเคารพทั้งสามพระองค์

ลงมาชั้นล่างเดินเที่ยวชมรูปจำลองต่าง ๆ เห็นชัดเจนน่าดูมากคือ แดนนรกภูมิไม่เคยทราบมาก่อนเลยที่วัดม่วงเขามีเคยเห็นแต่ที่ วัดไผ่โรงวัวหรือหลวงพ่อขอมอำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรีกับที่วัดพืชอุดม อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานีนับว่าเป็นบุญตา ทางวัดคงมีวัตถุประสงค์ให้ผู้คนได้เห็นสภาพแดนนรกเพื่อการสอนใจให้ยึดมั่นประกอบการดีละเว้นประกอบการชั่วทำดีได้ไปเสวยสุขคนแดนสวรรค์ทำชั่วก็ต้องถูกนำไปลงโทษคนแดนนรก

แดนนรกล้วนเต็มไปด้วย สัตว์นรกถูกนายนิรบาลลงโทษด้วยลักษณะรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะรูปปั้นจำลองสัตว์นรกหญิงชายปีนขึ้นต้นงิ้วจะมีทุกวัดที่มีแดนนรก เป็นข้อเตือนใจชายหญิงผิดศีลข้อกาเมจะต้องโดนลงโทษให้ปีนต้นงิ้วมีหนามแหลมคมทะลุทะลวงเลือดไหล เบื้องล่างถูกหมานรกกระโดดกัด นายนิรบาลเอาหอกนิ่มแทงต้องปีนป่ายขึ้นยอดบน ยังถูกอีกาปากเหล็กจิกตีสุดสยดสยอง!

จากนั้นมายังชาดกเรื่องพระเวสสันดรมี 10 ตอนครบครัน แม้ฝีมือการปั่นไม่ถึงขั้นวิจิตรการตาแต่ก็ประทับใจยืนดูชูชกจูงอมิตดา ใบหน้าแววตาดีใจแฝงด้วยราคะจริต ตาแก่จะมีเมียสาวก็หนนี้โคแก่ได้กินหญ้าอ่อนละวา ฝ่ายโฉมเจ้าอมิตดามีสีหน้าแววตาบอกบุญไม่รับชีวิตจะต้องเป็นเมียตาแก่เพราะความกตัญญูจึงจำยอมก็พ่อแม่พราหมณ์ เอาเงินอีตาแก่นี่ที่ฝากไว้ไปซะหมดเกลี้ยง จึงต้องเอาลูกสาวอมิตดาแลกเปลี่ยนไม่งั้นจะถูกฟ้องร้องตามคำขู่จากตาเฒ่า อยู่กินกันมานางถูกเมียพราหมณ์เยาะเย้ยถากถางว่ามีผัวแก่อับอายแท้ จึงออกอุบายให้ตาชูซกออกไปให้พ้นบ้านให้ไปขอกัญหา-ชาลีกับพระเวสสันดร,พระนางมัทรี ณ เขาวงกต ชาดกเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 10 สุดท้าย ภพต่อไปจึงมีพระพุทธเจ้าศาสดาเอกของโลกทางพระพุทธศาสนาอุบัติขึ้น ส่วนอีตาเฒ่าชูชกไปเกิดเป็นพระเทวทัต

นึกแปลกใจมีบางคณะทำงานและบางวัดจัดสร้างรูปจำลองชูชกเพื่อกราบไหว้บูชาพร้อมกับมีการสร้างวัตถุมงคลรูปแบบพราหมณ์ชูชก เดินชมทำบุญบริเวณวัดซื้อของที่ระลึกรู้สึกอิ่มบุญปิติในดวงจิต แม้เวลาจะสายมากแล้วไม่มีอะไรตกถึงท้องก็ไม่รู้สึกหิวแต่ประการใด การอิ่มบุญมีอาณุภาพยิ่งตามประวัติโดยสังเขป ความเป็นมาของวัดม่วงซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีมาแต่โบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา ราวปลายปี พ.ศ.2230 ในสมัยนั้นแขวงเมืองวิเศษชัยชาญเป็นเมืองหน้าด่านที่มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก ในปี พ.ศ.2310 ครั้งพม่ามาตีกรุงศรีอยุธยาเผาบ้านเมือง วัดวาอารามพินาศเข่นฆ่าผู้คนราวผักปลา กวาดทรัพย์สินกวาดต้อนผู้คนกลับไป แม้หัวเมืองและวัดวาอารามรอบนอกถูกทหารพม่าทำลายสิ้น วัดม่วงไม่เหลืออะไรเสนาสนะพินาศเหลือแต่เนินดิน และพระพุทธรูปศิลาแลงสลักหักพังเป็นที่อดสูแก่ใจ

พระพุทธรูปหินศิลาแลงของวัดนี้มีนามว่า “หลวงพ่อขาว” ลูกทำลายเหลือให้เห็นเพียงครึ่งองค์โผล่อยู่เหนือดิน หลวงพ่อเกษมเดินธุดงค์มาฬนัก ณ บริเวณวัดได้พัฒนาวัดขึ้นมาพร้อมกับได้หล่อปั้นองค์พระให้เต็มองค์ ห่อหุ้มองค์เดิมศิลาแลงไว้ข้างในมีความศักดิ์สิทธิ์มากเมื่อตอนท่านมาปักกลดพำนักปฏิบัติธรรม หลวงพ่อขาวได้เข้าไปในญานสมาธิของหลวงพ่อเกษม บอกให้มาสร้างวัดร้างแห่งนี้ชื่อวัดม่วงซึ่งเป็นชื่อเก่าดั้งเดิม

หลวงพ่อเกษมเคยเล่าให้ฟังว่าหลวงพ่อขาวท่านบอกว่า “ถึงกาลเวลาแล้วที่เจ้าของวัดม่วงแห่งนี้เจ้าของเขาได้เกิดแล้ว มาสร้างวัดม่วงนี้เถอะลูกมาร่วมสร้างกันใหม่แล้วจะสำเร็จ “หลวงพ่อเกษมยังคำนึงคิดว่าจะสร้างให้สำเร็จได้อย่างไรเงินที่จะสร้างวัดนี้ ต้องมีเงินสร้างในราคาเงินล้านเชียวถึงจะสร้างได้ แต่ปัจจุบันนี้ก็ได้ประจักษ์ตามคำบอกของหลวงพ่อขาว อันศักดิ์สิทธิ์นี้แล้วผู้ที่ได้สร้างวัดม่วง มีทั้งชาย-หญิง ที่มีจิตแรงศรัทธาจากเริ่มต้นมีแต่กุฏิสังกะสีเก่า ๆ สร้างศาลาบนเนินดินถวายหลวงพ่อขาว ให้มีที่ทำความสักการะ จนกระทั่งได้สร้างกุฏิพระขึ้น 2 หลัง ห้องน้ำ แท้งค์น้ำ ขอสวดมนต์เอนกประสงค์และอุโบสถที่จะทำการบรรพชากุลบุตรให้เป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาและยังใช้เป็นเขตข่ายพุทธสีมา เพื่อทำสังฆกรรมลงอุโบสถของพระภิกษุสงฆ์ เพื่อทำการแสดงโอวาสพระปาฏิโมกข์และยังใช้ทำพิธีสังฆกรรมทางพระพุทธศาสนาอีกมากมาย เพื่อเป็นการเกิดอานิสงส์แก่บรรดาผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลาย มาร่วมกันสร้างอุโบสถครั้งนี้ จะได้เป็นอนุคามีนิธีขุมทรัพย์ติดตามตนไปในสัมปรายิกภพหน้าได้เกิดเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาเป็นมนุษย์สมบัติได้สรรค์สมบัติในท่ามกลางและนิพพานในที่สุด

วัดม่วงเจริญธรรมตั้งอยู่ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ติดถนนใหญ่สายสุพรรณบุรี-อ่างทอง ทางเข้าวัดสะดวกสบาย ถ้าท่านเดินทางมาจากกรุงเทพ-รังสิต-บางปะอิน-อยุธยา และท่านที่เดินทางมาจากนครสวรรค์-ชัยนาท-สิงห์บุรี และท่านที่เดินทางมาจากลพบุรี-สระบุรี ให้เดินทางมายังตัวจังหวัดอ่างทองแยกมาทางถนนสายสุพรรณบุรี-อ่างทอง วัดอยู่ห่างจากจังหวัดอ่างทอง ประมาณ 10 ก.ม. เศษท่านจะเห็นพระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนี ศรีวิเศษชัยชาญ ตั้งตระหง่านอยู่กลางทุ่งนาและอุโบสถเป็นกำแพงรูปกลีบดอกบัวบานของวัดม่วง ทางเข้าวัดติดถนนใหญ่สายสุพรรณบุรี-อ่างทอง ผู้ที่ไม่เคยไปก็ลำบากหน่อย ซึ่งป้ายชี้บอกทางวัดม่วงน้อยไปหน่อย

Continue Reading
Click to comment

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *