Connect with us

ข่าว/ดูดวง/แจกเลข/ทำนายฝัน

มาวัดนี้มี โชคลาภ เลขเด็ด เลขมงคล เลขนำโชค

Published

on

ruay-lotto666-1

นิตยสาร แม่นาค ควรมีสิ่งนี้ในบ้าน พยานาค

ความเชื่อในเรื่องพญานาคเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธกาล พญานาคแม้จะถูกมองว่าเป็นสัตว์ แต่ในทางของพระพุทธศาสนา แทบจะทุกเหตุการณ์เลยก็ว่าได้ มักจะมีพญานาคเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น การแนะนำให้ภายในบ้านมีรูปเคารพพญานาค เนื่องจากหลายๆคำบอกเล่าของผู้ที่แสดงความเคารพ โดยการกราบไหว้พญานาค มักจะมีประสบพบกับโชคลาภอยู่เป็นประจำ..

“พญานาค” ลักษณะ คือเป็นงูใหญ่มีหงอน สัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ความมีวาสนา และนาคยังเป็นสัญลักษณ์ ของบันไดสายรุ้งสู่จักรวาลนาคเป็นเทพเจ้าแห่งท้องน้ำ บางแห่งก็ว่าเป็นเทพเจ้าแห่งฟ้า ตำนานความเชื่อเรื่องพญานาค มีความเก่าแก่มาก ดูท่าว่าจะเก่ากว่าพุทธศาสนาอีกด้วย

ตำนานพญานาค มีต้นกำเนิดมาจากอินเดียใต้ ด้วยเหตุจากภูมิประเทศทางอินเดียใต้ เป็นป่าเขาจึงทำให้มีงูอยู่ชุกชุม และด้วยเหตุที่งูนั้นลักษณะทางกายภาพ คือ มีพิษร้ายแรง งูจึงเป็นสัตว์ที่มนุษย์ ให้การนับถือว่ามีอำนาจ ชาวอินเดียใต้จึงนับถืองู เป็นสัตว์เทวะชนิดหนึ่ง ในเทพนิยายและตำนานพื้นบ้าน บ้างก็ว่าเป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ มีความเชื่อเรื่องพญานาค แพร่หลายในภูมิภาคต่างๆ ทั่วทวีปเอเชีย โดยเรียกชื่อต่างๆกัน

แม้ความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ ก็จะมีอยู่ในราศีเกิด เช่น ของคนนักษัตรปีมะโรง ที่มีความหมายถึงความยิ่งใหญ่และพลังอำนาจ ที่มีพญานาคเป็นสัญลักษณ์เรามักจะเห็นสัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับนาคได้เสมอ ในงานจิตรกรรม ประติมากรรม หัตถกรรมนาคเป็นส่วนประกอบที่สำคัญทางสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะตามอาคารวัดต่างๆ หลังคาอาคารที่สร้างขึ้นสำหรับสถาบันพระมหากษัตริย์และสถานบันศาสนสถาน ตามคตินิยมที่ว่านาคยิ่งใหญ่ คู่ควรกับสถาบันอันสูงส่ง เช่น นาคสะดุ้ง ที่ทอดลำตัวยาวตามบันได นาคลำยอง ที่ทำเป็นป้านลมหลังคาโบสถ์ ที่ต่อเชื่อมกับนาคสะดุ้ง นาคเบือน นาคจำลอง และนาคทันต์ คันทวยรูปพญานาค

พญานาคกับตำนานในพระพุทธศาสนา หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมพิเศษแล้ว ได้เสด็จไปตามเมืองต่างๆ เพื่อแสดงธรรมเทศนา มีครั้งหนึ่งได้เสด็จออกจากร่มไม้อธุปปาลนิโครธ ไปยังร่มไม้จิกชื่อ “มุจลินท์” ทรงนังเสวยวิมุตติสุข อยู่ 7 วัน คราวเดียวกันนั้นมีฝนตกพรำๆ ประกอบไปด้วยลมหนาวตลอด 7 วัน ได้มีพญานาคชื่อ “มุจลินท์” เข้ามาวงด้วยขด 7 รอบพร้อมกับแผ่พังพาน ปกพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อจะป้องกันฝนตกและลมมิให้ถูกพระวรกาย หลังจากฝนหายแล้ว คลายขนดออก แปลงเพศเป็นมานพมายืนเฝ้าที่เบื้องพระพักตร์ด้วยความศรัทธาอย่างแรงกล้า

ความเชื่อดังกล่าวทำให้ชาวพุทธ สร้างพระพุทธรูปปางนาคปรก แต่มักจะสร้างแบบพระนั่งบนตัวพญานาค ซึ่งดูเหมือนว่าเอาพญานาคเป็นบัลลังก์เพื่อให้เกิดความสง่างาม และทำให้คิดว่าพญานาค คือผู้คุ้มครองพระศาสดา และยังมีความเชื่ออีกว่า พญานาคเป็นสะพาน (สายรุ้ง) ที่เชื่อมโลกมนุษย์กับสวรรค์ หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ โลกศักดิ์สิทธิ์ ความเชื่อที่ว่าพญานาคกับรุ้งเป็นอันเดียวกัน คือ สะพานเชื่อมโลกมนุษย์กับสวรรค์นั่นเอง

 

อภินิหารพระพุทธรูป พระพุทธรูป ปางเปิดโลก หนัก 300 กว่ากิโลกรัม

ปกติแล้ว “ทองเหลืองน้ำหนัก 300 กก.” หากนำไปไว้ในน้ำจะต้องจม แต่ภายในวัดตาลเจ็ดช่อ ต.บ้านกรวดอ.เมือง จ.อ่างทอง มีพระพุทธรูปปางเปิดโลก เนื้อทองเหลือง อายุ100 กว่าปี น้ำหนักกว่า 300 กก.ได้แสดงอภินิหาร “ลอยในอ่างน้ำมนต์” ชาวบ้านแห่ไปกราบไหว้ขอโชคลาภ ปรากฎว่ามีคนได้โชคลาภเป็นจำนวนมาก”หลวงพ่อเปิดโลก ลอยน้ำ” องค์นี้ อายุประมาณ 100 กว่าปี น้ำหนักว่า 300 กิโลกรัม ความสูง 6 ศอก 9 นิ้ว

นายต่อย คงอยู่ กรรมการวัด เล่าว่า พระพุทธรูปทองเหลืองปางเปิดโลก ที่ลอยน้ำได้นี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ เกิดมาก็เพิ่งเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก วันนั้นต้องใช้คนงาน 14คน หามพระพุทธรูปองค์นี้ เพื่อนำไปไว้บ่อน้ำมนต์ ซึ่งนำมาจากประเทศอินเดีย ปรากฎว่าองค์พระกลับลอยน้ำอย่างน่าอัศจรรย์พระปางเปิดโลก พระอิริยาบถประทับยืนอยู่เหนือดอกบัว พระหัตถ์ทั้งสองห้อยลงข้างพระวรกายแบฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองออกไปข้างหน้า เป็นกิริยาทรงเปิดโลก บางแบบยกฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองขึ้น ถือว่าเป็นพระแห่งปัญญา ให้มีสติปัญญาดี มีความฉลาด หลักแหลม

พุทธประวัติ “พระปางเปิดโลก””หลังจากที่พระพุทธเจ้าทรง แสดงยมกปาฏิหาริย์ในวันอาสาหหบูชาณ นครสาวัตถี แล้วได้เสด็จจำพรรษาที่สวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ของท้าวสักกะเทวราชเพื่อแสดงธรรมโปรดพระมารดา ที่ประทับอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต พระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนา (พระอภิธรรม) แก่พระมารดา ในที่สุดแห่งเทศนา พระมารดาทรงบรรลุโสดาปัตติผล เป็นพระโสดาบัน ครั้นอยู่จำพรรษาปวารณาครบ 3 เดือน จึงได้ตรัสกับท้าวสักกะเทวราชว่า มีพระประสงค์จะเสด็จกลับยังโลกมนุษย์

ท้าวสักกะเทวราชจึงได้นิรมิตบันไดทั้ง 3 คือ บันไดทอง บันไดแก้ว บันไดเงิน ตีนบันไดทั้ง 3 ตั้งอยู่ที่ประตูเมืองสังกัสสะนคร ส่วนหัวบันไดพาดอยู่ที่เขาสิเมรุ พระพุทธองค์เสด็จลงทางบันไดแก้วตรงกลางเทวดาลงทางบันไดทองทางด้านขวามหาพรหมลงทางบันไดเงินทางด้านซ้าย

ในขณะที่เสด็จลงจากเทวโลกนั้น พระพุทธองค์ทรงทำ ‘ยมกปาฏิหาริย์’ อีกครั้งหนึ่ง คือทรงเปิดโลกทั้ง 3 ได้แก่เทวโลก มนุษย์โลก และยมโลก พร้อมทั้งทรงเปล่งพระฉัพพรรณรังสี ทำให้สัตว์โลกทั้ง 3 มองเห็นกันและกัน เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งอนึ่ง, พุทธบริษัทที่เห็นพุทธานุภาพแล้ว ล้วนแต่ปรารถนาพุทธภูมิ.”

ด้วยเหตุดังกล่าว จึงมีผู้นิยมจัดสร้าง ‘พระพุทธรูปปางเปิดโลก’ เพื่อระลึก ถึงวันที่พระพุทธเจ้า เสด็จลงมาจากเทวโลกในวันปาฏิบท คือ วันแรม 1 ค่ำเดือน 11 มาแต่โบราณกาล จะสังเกตได้จากการจัดสร้างพระพุทธรูปปางเปิดโลก ตามวัดวาอารามต่างๆรวมถึงพระกรุเก่าที่มีการขุดค้นพบสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนอกจากนี้ยังได้ถือเอาวันดังกล่าว เป็นปฐมเหตุแห่งวันเทโวโรหนะ หรือวันตักบาตรเทโวโรหนะ เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญทางพุทธศาสนาอีกด้วย..

 

มาวัดนี้มีโชคลาภ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ วัดบางแวก กรุงเทพมหานคร

หลวงพ่อเสือที่กำลังกล่าวถึงนี้ ท่านเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ ประดิษฐานอยู่ในวิหารวัดบางแวก แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร เป็นพระพุทธรูปที่คนทั่วไปเชื่อว่า มีความศักดิ์สิทธิ์ และยังเป็นพระพุทธรูปเสริมดวง ช่วยปกป้องคุ้มภัย และประทานซึ่งโชคลาภ

ruay-lotto666-2

ruay-lotto666-2

วัดบางแวกสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา ประมาณปี พ.ศ.2285ถือว่าเป็นวัดเก่าแก่สุดในย่านภาษีเจริญ เมื่อปี พ.ศ.2485 ได้เปิดสอนปริยัติธรรม ต่อมา ในปี พ.ศ.2500ได้แบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่ง สร้างโรงเรียนพาณิชยการธนบุรี โดย หลวงพ่อพระมหาระมัด โชติปาโล (เจ้าอาวาสในเวลานั้น) ได้นำปัจจัยจากที่ออกเทศนา มาสร้างเป็นอาคารเรียน

ในอดีต… กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ได้ชลมารคตามคลองบางแวก พอมาถึงหน้าวัดแห่งนี้ เกิดอุปสรรคไม่สามารถเดินทางต่อได้พระองค์จึงขึ้นฝังที่วัดบางแวก แล้วเข้าไปในวิหาร เห็นพระพุทธรูปองค์ปางมารวิชัย เนื้อโละสำริด (ปางเชียงแสนสิงห์ 3) ขนาดหน้าตักกว้าง60 นิ้ว ดำไม่สุกใสเหมือนองค์อื่นๆแต่ก็เกิดความสนใจ จึงเข้าไปสักการะบูชา

หลังจากเสด็จฯกลับ ก็ได้สั่งให้ทำพิธีเททองทับพระพุทธรูปองค์ดังกล่าว ปรากฏว่างานไม่เป็นที่พอพระทัย จึงให้เททองทับถึง 2 ครั้งพระองค์ทรงประทานนาม พระพุทธรูปองค์นี้ว่าพระพุทธรูปหลวงพ่อเสือชาวบ้านซึ่งเป็นคนในพื้นที่ได้เล่าให้ผมฟัง ในแต่ละวันจะมีคนเดินทางมานมัสการ พระพุทธรูปหลวงพ่อเสือ อย่างเนืองแน่น ทุกเทศกาลงานบุญสำคัญ ตามความเชื่อของคนจีน เสือหรือ “เหลาหู่”เป็นราชาแห่งสัตว์ป่าทั้งมวล เนื่องจากมีนิสัยดุร้าย มีพละกำลังมาก จึงได้นำมาเป็นสัญลักษณ์แทนอำนาจอาจหาญ ว่องไว ในภาษาจีนจึงมีคำว่า หู่เจียง คือบุรุษผู้กล้าหาญนั่นเอง

ผู้เกิดวันอังคาร เมื่อทำพิธีเสกพยัคฆราชเจ้าแห่งเสือทรัพย์มาก เพื่อสร้างความขลัง และให้ถูกโฉลกตามกรรมวิธีสร้างเสือและทำพิธีกรรม ที่หน้าพระพุทธรูปในพระอุโบสถ และหน้าพระพุทธรูปหลวงพ่อเสือ เพื่อสร้างพลังอำนาจให้ผู้ที่มีเสือไว้บูชา ที่ผ่านกรรมวิธีอย่างครบตามตำรานี้จะส่งพลังคุ้มกันสิ่งเลวร้ายในปีวัวทั้งปี ซึ่งทั้งหมูและเสือจะช่วยเสริมอำนาจ เมื่อมีอำนาจก็จะได้มาซึ่งกำลังแห่งทรัพย์ อันเป็นปัจจัยคู่ในความเป็นสุข และเป็นสิริมงคลที่ใครๆก็ต้องการ การเดินทางไปวัดบางแวกเข้าซอยจรัญ 13 ซอยพานิชการธนบุรี เอารถไปจอดที่วัดนก แล้วเดินข้ามสะพานข้ามคลอง เลี้ยวซ้ายก็จะเจอวัดบางแวก…

 

ที่นี่…คุณต้องไปให้ได้ วัดอักโขชัยคีรี

สิ่งที่เป็นเรื่องของความเชื่อ แน่นอนมันเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ แม้ว่าเรื่องบางเรื่องฟังแล้วไม่เข้าท่าเลยสักนิดเดียวเลยก็ตาม อย่างเช่นกับเรื่องราวของ “เงาพระธาตุกลับหัว” ซึ่งเป็นตำนานความเชื่อของคนเมืองรถม้า คือ หากใครมีโอกาสไหว้ “เงา” พระธาตุกลับหัวครบ 3 วัดภายในวันเดียว หากตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์ คือ ไม่ต้องกลับมาเกิดใหม่อีกแล้ว

ท่านผู้อ่านคงต้องการทราบว่าในจังหวัดลำปาง มีวัดซึ่งมีเงาพระธาตุหัวกลับที่ใดบ้าง ในเมื่อท่านต้องการคำตอบ แน่นอน…เราต้องนำคำตอบมาเฉลย คือ วัดพระธาตุจอมปิง อ.เกาะคา จ.ลำปาง วัดพระธาตุลำปางหลวง อ.เกาะคา (วัดทั้งสองอยู่ห่างกันเล็กน้อย) วัดอักโขชัยคีรีอ.แจ้ห่ม ซึ่งอยู่ไกลออกไปราว ๆ 56กิโลเมตร ซึ่งทั้ง 3 วัดท่านสามารถไปและกลับได้ภายในวันเดียวกัน แต่การเดินทางท่านต้องใช้ความระมัดระวังให้มาก เนื่องจากถนนสายแจ้ห่ม-ลำปาง มีโรงงานปูนซีเมนต์ ซึ่งสภาพของถนนเป็นทางขึ้นลงเขาหากท่านเจอรถปูนต้องขับหนีไปให้ไกล (อยู่ใกล้อันตรายครับ)

วัดอักโขชัยคีรี เป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งของจังหวัดลำปาง ตั้งอยู่บนยอดเขา ความสูงโดยประมาณ 80 เมตร สมัยก่อนต้องขึ้นทางเดียว โดยต้องขึ้นทางบันไดหน้าอุโบสถ จำนวนของขั้นบันได 227ขั้นเท่านั้นเอง แต่ค่อนข้างสูงชันโดยมีความเชื่อกันว่า ผู้ใดหากขึ้นบันไดไปสักการะบูชาองค์พระธาตุครบ 9 ครั้งภายในปีเดียวกัน หากตายไปก็จะได้ขึ้นสวรรค์ (อีกแล้วครับท่าน) โดยเฉลี่ยต้องขึ้นบันได227 ขั้นเกือบจะทุกเดือน หากเป็นแบบนี้ก็ลืมเรื่องสวรรค์เสียเถิดครับ(คนโบราณมีความเชื่อแปลกๆ) แต่ปัจจุบันทางวัดได้ทำทางสำหรับรถขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นหากเราเห็นใครที่ขึ้นทางบันได ขอให้รู้ไว้เลยว่าเขาต้องการขึ้นสวรรค์จริงๆเมื่อขึ้นมาบนยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของวัด สิ่งที่ปรากฎตรงเบื้องหน้า คือ ความงดงามขององค์พระธาตุเจดีย์ ซึ่งเป็นศิลปะล้านนาปนเชียงแสน เชื่อกันว่า สมัยก่อนน่าจะเป็นศิลปหริภุญชัย ต่อมา ได้มีการบูรณะกันมาหลายครั้ง โดยไม่ได้มีการอนุรักษ์รูปแบบเดิมเอาไว้เลยครั้งสำคัญก็คงเป็นการบูรณะ ในสมัยครูบาศรีวิชัย เจ้านักบุญแห่งล้านนา องค์พระธาตุเจดีย์แห่งนี้ปรากฏว่ามีเงาของพระธาตุเจดีย์ ไปปรากฎเงาสถิตอยู่ที่อุโบสถทรงสูงซึ่งเป็นที่ไว้พระพุทธรูปยืนอันสูงใหญ่สิ่งที่ถือว่าเป็นความมหัศจรรย์ของเงาพระธาตุเจดีย์ คือ ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดๆก็ตาม เงาของพระธาตุเจดีย์จะอยู่ตรงที่เดิมเสมอ โดยไม่เคลื่อนย้ายไปตำแหน่งอื่นๆเลย ซึ่งว่าเป็นความมหัศจรรย์อย่างแท้จริง

ภายในวัดอักโขชัยคีรี ยังมีปูชนียสถานที่สำคัญ คือ พระวิหารอัฏฐารส ในพระวิหารแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปยืนเปิดโลกซึ่งมีความสูงราว 18 ศอก พระนามของท่าน คือ พระอัฏฐาระสะ หรือพระอัฏฐารส และเป็นแบบฉบับต้นเดิมฉบับเดิม ที่พระร่วงเจ้าแห่งอาณาจักรสุโขทัยทำแบบในเชิงศิลป์ไปสร้างเป็น “พระอัฏฐารส” ในเมืองสุโขทัย เมืองเชียงใหม่และเมืองศรีสัชนาลัย รวมทั้งเมืองกำแพงเพชร พิษณุโลก แต่มาเปลี่ยนชื่อเป็นหลวงพ่อศรีศากยมุนีชัยคีรีเนินเขาริมถนนสายลำปาง – แจ้ห่มการเดินทาง วัดตั้งอยู่บน(หมายเลข 1035) บริเวณกิโลเมตรที่ 50-51 ด้านซ้ายมือ มีทางขึ้น 2ทาง คือ 1.ทางเดินขึ้นบันไดด้านหน้า2.ขับรถขึ้นทางถนนด้านหลัง

Continue Reading
Click to comment

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *